โนโมโฟเบีย (Nomophobia)
โนโมโฟเบีย (Nomophobia) หรือเรียกอีกชื่อว่า โรคกลัวขาดมือถือ ต้องมีติดตัวตลอดเหมือนเป็นอวัยวะลำดับที่ 33 ว่างเป็นไม่ได้ต้องรีบหยิบขึ้นมาเล่นทันที ลองสังเกตตัวเองดูสิว่าตอนนี้คุณเป็นอยู่ใช่หรือไหม ?
สิ่งแรกที่คุณทำหลังตื่นนอนขึ้นมา คืออะไร ?
…แล้วก่อนจะหลับตาลงนอนล่ะ สิ่งสุดท้ายที่คุณทำคืออะไร?
ถ้าคำตอบของคุณคือการเล่นสมาร์ทโฟน ตอนนี้คุณมีอาการเสพติดมือถือแล้วล่ะ ยิ่งประเภทที่ชอบถ่าย ชอบอัพ ชอบแชร์ให้ทันต่อทุกสถานการณ์ รวมทั้งยังชอบเช็กมือถือบ่อย ๆ ถึงขนาดที่ว่าถ้าได้ยินเสียง “ติ๊ง” แล้วไม่ได้หยิบขึ้นมาดู ก็กระวนกระวายใจ อาการอย่างนี้เขาเรียกว่า “โนโมโฟเบีย” (Nomophobia) ที่ “คุณ” ก็กำลังเป็นอยู่โดยไม่รู้ตัวจริง ๆ นะ หากอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนี้ลองอ่านเรื่องนี้ดูสิ
โรคโนโมโฟเบีย เป็นอย่างไร ?
โนโมโฟเบีย (Nomophobia) มาจากคำว่า “no mobile phone phobia” เป็นศัพท์ที่ YouGov องค์การวิจัยของสหราชอาณาจักร บัญญัติขึ้นเมื่อปี 2008 เพื่อใช้เรียกอาการที่เกิดจากความหวาดกลัวจากการขาดโทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อสื่อสาร และจัดเป็นโรคจิตเวชประเภทหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มวิตกกังวล ทั้งนี้ ถ้าเราอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือจู่ ๆ แบตเตอรี่โทรศัพท์ดันหมด แล้วเรารู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวาย แสดงว่าเข้าเค้าอาการโนโมโฟเบียแล้ว ถ้าบางคนเป็นมาก ๆ อาจมีอาการเครียด ตัวสั่น เหงื่อออก คลื่นไส้ ซึ่งอาการจะหนักเบาขนาดไหนขึ้นอยู่กับแต่ละคน
รู้ไหม ? โนโมโฟเบียทำเสี่ยงอีกสารพัดโรค
1. นิ้วล็อก
เกิดจากการใช้มือกด จิ้ม สไลด์หน้าจอติดต่อกันนานเกินไป ทำให้มีอาการนิ้วชา ปวดข้อมือ เส้นเอ็นข้อมืออักเสบ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองนิ้วมือเริ่มแข็ง กำแล้วเหยียดขึ้นไม่ได้ นี่เป็นสัญญาณบอกให้รีบไปพบแพทย์แล้ว
2. อาการทางสายตา
เกิดจากการเพ่งสายตาจ้องหน้าจอเล็ก ๆ นานเกินไป ทำให้สายตาล้า เกิดอาการตาแห้ง นาน ๆ เข้าทำให้จอประสาทตาเสื่อม และวุ้นในตาเสื่อมได้
3. ปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่
เพราะคนส่วนใหญ่เวลาเล่นโทรศัพท์มักจะก้มหน้า ค้อมตัวลง ทำให้คอ บ่า ไหล่ เกิดอาการเกร็ง เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หากเล่นนาน ๆ อาจมีอาการปวดศีรษะตามมา
4. หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร
จากการนั่งผิดท่า นั่งเกร็งเป็นเวลานาน ๆ และทำเป็นประจำจนเป็นนิสัย หากเป็นหนักจนมีอาการปวดมาก ๆ แพทย์ต้องผ่าตัดรักษาให้
5. โรคอ้วน
แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้สมาร์ทโฟนนาน ๆ โดยตรง แต่ถ้าเราติดมือถือขนาดหนัก นั่งเล่นทั้งวันแทบไม่ลุกเดินไปไหน ร่างกายก็จะไม่เกิดการเผาผลาญ อาหารที่เราทานเข้าไปก็จะเป็นไขมันไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทีนี้โรคอ้วนถามหาแน่นอน
ใครจะไปคิดว่าเรื่องเล็ก ๆ อย่างการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สุดแสนจะมีประโยชน์ก็ทำร้ายสุขภาพจิตสุขภาพกายของเราได้เหมือนกัน ถ้าเราใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างไม่ระวัง อ่านจบแล้ว ใครที่รู้ตัวว่าเริ่มมีปัญหาและส่อเค้ามีอาการ “โนโมโฟเบีย” แล้วล่ะก็ ลองปรับเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่วันนี้กันเถอะค่ะ