เผย เคล็ดไม่ลับ ลดทานหวาน

หลายๆท่านก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าการที่เราทานอาหารติดรสหวานไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด เนื่องจากเป็นบ่อเกิดของโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน วันนี้เรามีแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานมาฝากซึ่งอาจจะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้วิธีการลดความหวานจากพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป แผนที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการปรับพฤติกรรม ซึ่งแผนที่ดีควรเป็นแผนที่เหมาะกับคนคนนั้น เหมาะกับวิถีชีวิต สภาพจิตใจ แรงจูงใจ และความพร้อมในการลงมือทำ มาดูกันว่าเราจะลดหวานได้อย่างไรด้วยวิธีเหล่านี้
หาแรงจูงใจให้ตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจทางบวกหรือทางลบ เช่น แรงจูงใจทางบวกอาจจะมาจากการอยากมีสุขภาพดีอายุยืน อยากหุ่นดี แรงจูงใจทางลบอาจมาจากการกลัวคนอื่นไม่ยอมรับ กลัวเป็นภาระให้คนที่รัก หรือกลัวใส่เสื้อผ้าได้ไม่ดูดี เป็นต้น
มีเป้าหมายที่ชัดเจน  
เช่น จะหยุดดื่มน้ำอัดลมให้ได้ภายในปีนี้ จะลดขนมหวานลงหนึ่งมื้อในทุกวัน ไม่กินขนมขบเคี้ยวระหว่างเล่นคอมพิวเตอร์ จะเดินอย่างน้อยวันละ 15 นาที จะฝึกหายใจด้วยท้องเพื่อผ่อนคลายเป็นเวลา 20 นาทีทุกคืน โดยให้อยู่ในขอบเขตที่ว่า เราจะทำอะไร และทำมากน้อยแค่ไหน ภายในเวลาเท่าไร1 วันแผนการลดหวานให้สำเร็จ
 
โดยเริ่มกันจาก 2 วิธีง่ายๆเพื่อค่อยๆปรับเปลี่ยนไปสู่พฤติกรรมการทานที่ดี ยังไงลองไปทำดูกันนะคะ
 
Reference : สสส.

5 สิ่งต้องห้ามทาน หลังศัลยกรรม

ปัจจุบันนี้ผู้คนหันมาทำศัลยกรรม กันมากขึ้น เพราะสามารถช่วยปรับปรุงแก้ไขจุดด้อยของตัวเองให้กลายเป็นจุดเด่นได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมจมูก ทำตาสองชั้น ปรับหน้าเรียว เสริมคาง ไปจนถึงศัลยกรรมเสริมหน้าอก แต่ถึงแม้ว่าศัลยแพทย์จะเนรมิตความงามให้คุณออกมาสวยปังขนาดไหน การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะหากเผลอกินอาหารแสลง หรืออาหารที่ไม่เหมาะสมกับร่างกายตัวเองในขณะนั้น อาจทำให้แผลศัลยกรรมเกิดการอักเสบ หายช้า และอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงผิดเพี้ยนจากผลลัพธ์เดิมที่ตั้งใจไว้ได้ค่ะ
 

 

1.อาหารรสจัด

ใครที่ชอบกินอาหารรสจัด ๆ แซ่บ ๆ คงต้องงดไปก่อนในช่วงนี้ และรอให้แผลหายดีก่อนนะคะ โดยเฉพาะคนที่ทำศัลยกรรมจมูกควรระวังไว้ให้มาก เพราะการกินอาหารรสจัดที่มีความเผ็ดร้อน เช่น ส้มตำ ต้มแซ่บ หรือ ต้มยำ อาจทำให้เกิดน้ำมูกไหลตอนที่เราเผ็ดได้ ซึ่งในน้ำมูกอาจมีเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่อาจทำให้แผลเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ค่ะ
 

2. อาหารสุกๆ ดิบ ๆ

นอกจากอาหารรสจัดแล้ว อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรงดเช่นกันในช่วงหลังทำศัลยกรรม หากใครที่ชอบกินสเต๊กแบบแรร์ มีเดียมแรร์ รวมถึงพวกปลาดิบ ปลาร้า ลาบ ก้อย ก็ขอให้เลิกกินไปก่อนสักระยะ เพราะอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไรนัก อาจมีเชื้อโรค พยาธิ หรือสิ่งเจือปนที่ทำให้แผลศัลยกรรมเกิดความสกปรกและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดท้องร่วงได้อีกด้วย
 

3.ของหมัก ของดอง

 

 

ในช่วงหลังศัลยกรรมควรงดกินพวกของหมัก ของดอง เช่น มะม่วงดอง มะยมดอง และสารพัดของดองที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดไปก่อนจนกว่าแผลจะหายดีนะคะ เพราะอาหารประเภทนี้มักใช้สารเคมีในการหมักดอง ซึ่งอาจมีสารพิษต่าง ๆ เจือปนอยู่ด้วย หากกินเข้าไปในช่วงที่กำลังพักฟื้นจากการทำศัลยกรรม อาจเกิดผลเสียต่อระบบร่างกายและแผลศัลยกรรมได้ค่ะ
 

4.อาหารทะเลบางชนิด
สำหรับข้อนี้ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยงเด็ดขาดค่ะ เพราะหากเกิดการแพ้อาหารในช่วงหลังทำศัลยกรรมด้วยแล้ว อาจยิ่งทวีความรุนแรงต่อบาดแผล ทำให้หายช้า หรือเกิดอันตรายได้ แต่สำหรับบางคนที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะแพ้อาหารทะเลหรือไม่ ก็ขอให้เลี่ยงไว้ก่อน รอแผลศัลยกรรมหายสนิทแล้วค่อยกลับมากินนะคะ
 

5.วิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ

ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เพราะก่อนที่จะทำศัลยกรรมก็ได้มีคำแนะนำจากคุณหมอให้งดกินวิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ ด้วยอยู่แล้ว พอถึงช่วงหลังทำศัลยกรรมก็ยังคงงดอยู่เช่นกันค่ะ เพราะวิตามินและอาหารเสริมบางตัว เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม รวมถึงยาแอสไพริน อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ต่อแผลศัลยกรรม ทั้งยังมีผลต่อการบวมช้ำของแผลอีกด้วยค่ะ