เข้าสู่ช่วงหน้าฝน แน่นนอนว่าลำบากในการสัญจรแล้วยังมีเรื่องสุขภาพที่ต้องระวังไมใช่แค่โควิคแต่เป็นโรคไข้เลือดออก ทราบกันหรือไม่ค่ะ จากสถิติสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 พ.ค. 63 มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 10,938 คน เสียชีวิต 9 คน กล่าวโดย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงว่าผู้ติดเชื่อโควิคเกือบ 3 เท่า เป็นที่น่าจับตามองและเฝ้าระวังกันให้ดี โดยแข็งแรงแนะนำแนวทางการป้องกันโรคไข้เลือดออกมาฝากด้วยค่ะ
ไข้เลือดออก (Dengue Fever)มักจะพบมากในเด็กเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ไวรัสเดงกีมีอยู่ถึง 4สายพันธุ์ดังนั้นถึงแม้ว่าเราจะเคยเป็นไข้เลือดออกกันแล้วก็ตาม อาจจะเป็นอีกได้นะคะ หากเราเกิดติดเชื้อเดงกีสายพันธุ์ที่เรายังไม่เคยเป็นค่ะ
อาการของไข้เลือดออก
- มีไข้สูงเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียสหรืออาจสูงถึง 40-41 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หน้าแดง ปวดหลังกระบอกตา ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ อ่อนแรง คลื่นใส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- ผื่นตามผิวหนัง มีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง
- อาจมีอาการช็อกได้ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการตับโต ความดันต่ำและเกิดภาวะช็อกได้
การรักษาของไข้เลือดออก
- ทางยาลดไข้ พาราเซตามอล เพื่อลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพรินเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น
- การดื่มน้ำผลไม้หรือเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
การป้องกันโรคไข้เลือดออก
- ป้องกันร่างกายอย่าให้โดนยุงกัด ใช้ผลิตภัณฑ์ทากันยุงและสวมเสื้อผ้ามิดชิด ควรติดมุ้งลวด หรือ มุ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ยุ้งเข้ามาภายในบ้าน
- กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ุและแพร่กระจ่ายของยุงลาย ไข้เลือดออกป้องกันได้โดยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
โรคไข้เลือดออกมียุงเป็นพาหะดังนั้นการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ต่างๆถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด และป้องกันคนรอบตัวไม่ให้ยุงลายที่เป็นภาหะของไข้เลือดออกมาคร่าชีวิตของเรา แต่หากเด็กน้อยของคุณมีอาการไข้ขึ้นสูงก็อย่าลืมดูแลรักษาอาการเบื้องต้นเพื่อดูอาการต่อไปนะค่ะ
ขอบคุณแหล่งที่มา : ไข้เลือดออก ระบาด 5 เดือนตาย 9 ป่วยทะลุ 1 หมื่นคน