โรคกระดูกพรุนเป็นโรคทีกระดูกเริ่มเสื่อมและบางลงเนื่องจากการสูญเสียแคลเซียมที่สะสมในกระดูก โรคนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดนอกจากกระดูกแตกหรือหัก พบได้บ่อยบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก ข้อเข่า หรือข้อมือ รวมทั้งยังสามารถเกิดได้กับกระดูกส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย ทั้งนี้โรคกระดูกพรุนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังผิดรูปในผู้สูงอายุ
ก่อนอื่น เราคงต้องมาเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายกันก่อน โครงร่างของร่างกายประกอบด้วยกระดูก ข้อต่อ และกระดูกอ่อน ซึงทำหน้าที่เป็นโครงสร้างค้ำจุนทั้งร่างกาย กระดูกจะเกิดการสึกกร่อนอย่างต่อเนื่องในทุกการเคลื่อนไหว ลักษณะเฉพาะที่สำคัญต่อการทำหน้าที่อย่างปกติของกระดูกและมีผลอย่างมากต่อปริมาณแคลเซียมในร่างกาย คือ ความเข้มแข็งและความหนาแน่นของกระดูก กระดูกจะพัฒนาเต็มที่เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นและอาจต่อเนื่องไปจนถึงอายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นกระดูกจะเริ่มเสื่อมลง ส่งผลให้กระดูกบางลง อ่อนแอ และเปราะ ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า โรคกระดูกพรุน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน ได้แก่ เพศ อายุ เชื้อชาติ พันธุกรรม และประวัติครอบครัว รวมทั้งวิถีชีวิตและอาหารที่รับประทาน โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงมีโอกาสเกิดภาวะกระดูกพรุนได้มากกว่าผู้ชายด้วยสาเหตุหลัก คือ การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนเมื่อถึงวัยประจำเดือน โดยทั่วไป จะมีการวัดค่าความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density : BMD) เพื่อประเมินโรคกระดูกพรุน
คำแนะนำผู้ป่วย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกกล้ามเนื้อ
- รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม และเป็นคนกระฉับกระเฉง
- รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม เนยแข็ง โยเกิร์ต ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน หอย เต้าหู้ บรอกโคลี และผักใบเขียว
- รับประทานแคลเซียมเสริม แต่ไม่ควรรับประทานพร้อมอาหารที่มีกากใยหรือยาระบายประเภทเพิ่มกาก เนื่องจากทำให้การดูดซึมแคลเซียมลดลง
- หยุดสูบบุหรี่ ลดการดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ รวมทั้งลดการทานเกลือและอาหารที่มีฟอสเฟตสูง
- แนะนำผู้ป่วยให้ตรวจความหนาแน่นของกระดูกเพื่อดูปริมาณมวลกระดูก เพื่อดูปริมาณมวลกระดูกว่าผิดปกติหรือไม่
- พยายามรับแสงแดดยามเช้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวหนังสร้างวิตามินดี ซึ่งจำเป็นสำหรับกระดูกที่แข็งแรง
- รักษาท่านั่ง ยืน เดิน ที่ถูกต้อง เพื่อลดการแบกภาระหนักของกระดูกสันหลัง
- สวมรองเท้าส้นเตี้ยเพื่อป้องกันการหกล้ม ตรวจความปลอดภัยในบ้าน เช่น ความเรียบร้อยของสายไฟ พรมและพื้นที่ลื่นก็อาจทำให้หกล้มได้
ทางเลือกในการรักษา
ปัจจุบันมียาที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุนหลายชนิด ได้แก่
1 แคลเซียมและวิตามินดี
2 ยาลดการสลายของกระดูก (Antiresorptive) ได้แก่
- Bisphonates เป็นกลุ่มยาที่ใช้แพร่หลายมากที่สุด ออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งการทำงานของออสติ-โอคลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่สลายกระดูก ยากลุ่มนี้มีทั้งรูปแบบรับประทานและแบบฉีด ซึ่งในรูปแบบรับประทาน มักมีอาการข้างเคียงระคายกระเพาะและหลอดอาหารได้ ในขณะที่รูปแบบฉีดก็มีโอกาสการขาดเลือดของกระดูกกรามได้มากกว่า และยาในกลุ่มนี้ พบว่าในการใช้ระยะยาวนานจะพบว่ามีกระดูกหักแบบไม่ปกติได้ (Atypical fracture)
- Denosumab เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งreceptor activator of nuclear factor-kappa B ligand (Rank inhibitors) ทำให้หยุดการทำงานของเซลล์ออสติโอคลาสต์เช่นกัน แต่ตัวยาเองไม่ไปจับกับโครงสร้างของเนื้อกระดูก
- Calcitionin มีผลยับยั้งกับเซลล์ออสติโอ-คลาสต์โดยตรง ยาดังกล่าวนี้ แม้ว่าจะสามารถใช้ได้สะดวกโดยการพ่นจมูกวันละครั้ง แต่หากใช้เป็นระยะเวลานาน พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นของมะเร็งได้
3 ยาเพิ่มการสร้างกระดูก (Anabolic agent)
- Teriparatide เป็นพาราไทรอยด์ฮอร์โมนมีฤทธิ์เสริมการสร้างออสติโอบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างกระดูก ทั้งยังป้องกันการสลายตัวของเซลล์ดังกล่าวด้วย
- Strontium renelate ช่วยในการเพิ่มจำนวนออสติโอบลาสต์ และลดการทำงานของออสติโอคลาสต์ ผลโดยรวมทำให้มีเนื้อมวลกระดูกเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามต้องระวังในผู้ป่วยที่มีปัญหาภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน
- ฮอร์โมนพบว่ากลุ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนสามารถเพิ่มมวลกระดูกได้ แต่การใช้เป็นเวลานานก็เกิดปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับมะเร็งของมดลูกและเต้านมได้รวมทั้งปัญหาของหัวใจและหลอดเลือด ในการแก้ปัญหานี้ จะมียากลุ่ม SERMs (Selective estrogenreceptor modulators) เช่น Raloxifene Tamoxifen ช่วยให้มวลกระดูกเพิ่มขึ้น โดยไม่มีปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้มีการศึกษาวิจัยในเรื่อง เซซามิน จากงาดำ เป็นสารอาหารที่มีผลลดอาการอักเสบของข้อและกระดูก เพื่อช่วยไม่ให้อาการของโรคข้อกระดูกอักเสบรุนแรงเพิ่มขึ้น เซซามินยิ่งบริสุทธิ์มากยิ่งดี ต่อกระดูก เพราะมีความเป็นธรรมชาติสูง ไม่ตกค้างในร่างกาย นอกจากนี้ sesamin และ sesaminol ยังไปยับยั้งสารที่ไปเร่งให้เกิด Cytokine ที่มีผลต่อการเกิดการอักเสบ
คุณสมบัติอื่นๆ ของงาดำที่พบ คือคุณสมบัติเป็นสาร Anti Oxidant สาร sesamin และ sesamolin จะมีส่วนช่วยลดไขมัน และการหลุดร่วงของเส้นผม
Credit ข้อมูล : ที่มา
- MIMS Pharmacy, Edition 2011
- วารสารกรมการแพทย์ฉบับประจำ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2558
- ประโยชน์ของนำ้มันงาสกัดเย็น ภก.ดร. ทวีศักดิ์ สีทองสุรภณา www.mtrack.asia