แมมโมแกรมการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีผลต่อการตรวจแมมโมแกรมหรือไม่?

การทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีผลต่อการทำแมมโมแกรม เพื่อตรวจหามะเร็งเต้านมอย่างแน่นอน เพราะผลจากการเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมเทียม จะทำให้การตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมทำได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนทำการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้ง เพื่อที่แพทย์จะได้เลือกใช้วิธีการตรวจที่เหมาะสมต่อไป

 

ทั้งนี้ หากเป็นการผ่าตัดโดยการวางถุงเต้านมเทียมไว้เหนือกล้ามเนื้อ จะทำให้มีเนื้อเต้านมที่เครื่องแมมโมแกรมไม่สามารถมองเห็นได้ถึง 25% ทีเดียว ในขณะที่การผ่าตัดวางถุงเต้านมเทียมไว้ใต้กล้ามเนื้อ จะมีส่วนของเนื้อเต้านมที่เครื่องแมมโมแกรมไม่สามารถมองเห็นได้เพียงแค่ 10% เท่านั้น ดังนั้นในกลุ่มคนไข้ที่มีประวัติครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็ง จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมได้มาก ดังนั้นจึงควรพิจารณาทบทวนให้ดี ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมหน้าอก

 

 
นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง ภายหลังการศัลยกรรมหน้าอกแล้ว ยังจำเป็นต้องทำการตรวจหามะเร็งเต้านมอีกด้วย และการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมนี้เอง ที่อาจจะส่งผลกระทบทำให้ถุงเต้านมเทียมที่ใส่เข้าไปเกิดการปริแตก และรั่วซึมได้ เนื่องจากขณะตรวจหามะเร็งด้วยเครื่องแมมโมแกรม จะมีการกดที่เต้านมอย่างแรง ดังนั้นหากต้องตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม คนไข้ควรแจ้งแก่แพทย์ก่อนทำการตรวจว่า ได้ทำการศัลยกรรมหน้าอกมาก่อน เพื่อที่เจ้าหน้าที่เอ็กซเรย์จะได้ระมัดระวังขณะที่กดเต้านม โดยหลีกเลี่ยงที่จะกดลงในตำแหน่งของถุงเต้านม เพื่อไม่ให้บังภาพของเนื้อเต้านม ในขณะทำการเอ็กซเรย์ด้วยเครื่องแมมโมแกรมนั่นเอง
 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการตรวจแมมโมแกรมไม่สามารถอ่านภาพของเนื้อเต้านมได้ทั้งหมด (เนื่องจากบางส่วนถูกบังด้วยถุงเต้านมเทียม) แพทย์จึงจำเป็นต้องทำการตรวจหามะเร็งเต้านม ด้วยเทคนิคอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป